วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ค่าเงินยูโร ใช้สัญลักษณ์ 

ภาพเหรียญและธนบัตรยูโร

สัญลักษณ์เงินยูโร 

      

ยูโร (euro, €; รหัสธนาคาร EUR) เป็นสกุลเงินที่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป 18 ประเทศ (ณ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557)   ตกลงใช้ร่วมกัน เริ่มใช้วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 (บางประเทศใช้ตามในภายหลัง) ยูโรแบ่งออกเป็น 100 เซนต์ แต่ชื่อเรียกของเซนต์อาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศเงินยูโร (ใช้สัญลักษณ์ว่า รหัสธนาคาร EUR) คือสกุลเงินของ 18 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยรวมกันเรียกว่ายูโรโซน (Eurozone - เขตยูโร) เงินยูโรเป็นผลมาจากความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจที่ได้รับการพัฒนาในยุโรปมาตั้งแต่ยุคสมัยโรมัน แม้กระนั้นเงินยูโรก็ยังสามารถพบเห็นได้ทั่วไปเหมือนกับเป็นการค้าขายสำหรับตลาดของยุโรป อำนวยความสะดวกในการค้าขายแลกเปลี่ยนอย่างอิสระภายในยูโรโซน โดยเงินสกุลนี้ยังได้รับการดูแลจากผู้ก่อตั้ง ให้เป็นส่วนสำคัญของโครงการของการการรวมอำนาจทางการเมืองของยุโรปเงินยูโรยังสามารถใช้ในการชำระหนี้ในอาณาเขตนอกสหภาพยุโรปบางแห่ง ได้แก่ ประเทศโมนาโก ประเทศซานมารีโน และนครรัฐวาติกัน ซึ่งเคยใช้ฟรังก์ฝรั่งเศสหรือลีราอิตาลีเป็นสกุลเงินทางการ ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาใช้สกุลยูโรแทนและได้รับสิทธิ์ในการผลิตเหรียญในสกุลยูโรในจำนวนเงินน้อย ๆ แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปก็ตามนอกจากนี้แล้วยังมีประเทศอันดอร์รา มอนเตเนโกร และดินแดนคอซอวอในประเทศเซอร์เบียที่สามารถใช้เงินยูโรได้

โดย สัญลักษณ์ มีชื่อเล่น The single currency

เหรียญที่ใช้บ่อย    1,2,5,10,20,50 เซ็น,€1,€2

ธนบัตรที่ใช้บ่อย    €5, €10, €20, €50, €100

ธนบัตรที่ไม่ใช้บ่อย €200, €500

มีธนาคารกลาง     คือ ธนาคารกลางยุโรป

 

อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน 18/12/2557 เวลา 10.00 น. คือ

1.00 ยูโร = 1.23 ดอลลาร์สหรัฐ

1.00 ยูโร = 40.65 บาท

ตัวอย่าง 0.83 ยูโร = 33.74 บาท หรือมีค่าเท่ากับ 1.02 ดอลลาร์สหรัฐ

โดยสามารถใช้เว็บเปลี่ยนค่าเงินตราทั่วๆไป หรือได้ที่ “https://www.mataf.net/th/currency/converter-EUR-USD”

 

 

ขอขอบคุณเนื้อข่าวจาก http://th.wikipedia.org

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฝนดาวตก
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. นำประชาชนร่วม 200 คนรอชมฝนดาวตก "เจมินิดส์" บนยอดดอยอินทนนท์ ท่ามกลางบรรยากาศหนาวสุดขั้ว พร้อมบริการกล้องโทรทรรศน์กว่า 10 ตัว และบรรยายให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์ใน วันที่ 14 ธ.ค.57 เพื่อเฝ้าชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ให้ข้อมูลว่า "ฝนดาวตกเจมินิดส์เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 4-17 ธ.ค.ของทุกปี คาดการณ์ว่าในปีนี้ฝนดาวตกเจมินิดส์จะมีอัตราการตกสูงสุดในช่วงหัวค่ำตั้งแต่เวลา 20.00 - 00.30 น. ของคืนวันที่ 14 ธ.ค. โดยมีอัตราการตกไม่เกิน 120 ดวงต่อชั่วโมง สามารถสังเกตเห็นได้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สูงจากขอบฟ้าประมาณ 30 องศา
        "นอกจากนี้ในคืนดังกล่าวตรงกับวันแรม 8 ค่ำ ดวงจันทร์ครึ่งดวง หลังจากเวลา 00.30 น. เป็นต้นไป ดวงจันทร์จะเคลื่อนที่ขึ้นจากขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออก แสงสว่างจากดวงจันทร์จะเข้ามารบกวนการสังเกตการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ดังกล่าว" ดร.ศรัณย์ระบุ
        ทั้งนี้ ฝนดาวตกเจมินิดส์เกิดจากการที่โลกเคลื่อนที่เข้าตัดกับกระแสธารของเศษหินและเศษฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ที่ดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน ทิ้งไว้ในขณะที่เคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านเส้นทางดังกล่าว ทำให้สายธารของเศษหินและฝุ่นของดาวเคราะห์น้อย ถูกแรงดึงดูดของโลกดึงเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศของโลกเกิดเป็นลำแสงวาบ หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟ (fireball) ที่มีสีสวยงาม
        “ปกติแล้วเราสามารถสังเกตเห็นดาวตกได้ในทุกคืนอยู่แล้ว เพียงแต่มีอัตราเฉลี่ยในการตกค่อนข้างน้อย และไม่ได้มีศูนย์การกระจายหรือเรเดียนท์จากจุดเดียวกัน ในทางกลับกันหากสังเกตเห็นดาวตกจำนวนมาก และมีจุดศูนย์กลางการกระจาย ณ จุดเดียวกัน จะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ฝนดาวตกสำหรับข้อแนะนำในการชมฝนดาวตกในครั้งนี้ จะสามารถเห็นได้ในทุกภูมิภาคของประเทศ ในบริเวณที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน จะสังเกตดาวตกมีความสว่างมาก ทั้งนี้วิธีการชมฝนดาวตกให้สบายที่สุด ให้นอนรอชม หรือนั่งบนเก้าอี้ที่สามารถเอนนอนได้ หันศรีษะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือดร.ศรัณย์ กล่าว
        ดร.ศรัณย์ระบุอีกว่า สำหรับฝนดาวตกเจมินิดส์นั้นมีชื่อเสียงมากในเรื่องของความงดงาม เพราะสังเกตเห็นง่ายกว่าฝนดาวตกลีโอนิดส์ เนื่องจากมีความเร็วไม่มากนักประมาณ 35 กิโลเมตรต่อวินาที ทำให้ง่ายต่อการสังเกตมากกว่าเมื่อเทียบกับฝนดาวตกลีโอนิดส์ที่มีความเร็วถึง 71 กิโลเมตรต่อวินาที เมื่อสังเกตเห็นจึงมีเวลาเพียงพอที่จะชี้ชวนกันให้คนอื่นได้ดูฝนดาวตกได้ นับเป็นเสน่ห์อีกประการหนึ่งของการเฝ้ารอชมฝนดาวตกเจมินิดส์
        ทั้งนี้ สดร.ได้เตรียมการบรรยายพิเศษเรื่องการดูดาว การถ่ายภาพฝนดาวตก และสอนการใช้แผนที่ดาวก่อนชมฝนดาวตกในช่วง 20.00 น. พร้อมทั้งตั้งกล้องโทรทรรศน์ 12 ตัวสำหรับให้บริการสังเกตดาวเคราะห์และกระจุกดาวต่างๆ

อะไรคือ ฝนดาวตก?
  ฝนดาวตก คือดาวตกหลายดวงที่เหมือนพุ่งออกมาจากบริเวณเดียวกันในท้องฟ้าในช่วงเวลาเดียวกันของปี ซึ่งเกิดจากเศษชิ้นส่วนในอวกาศที่พุ่งเข้ามาในบรรยากาศโลกด้วยอัตราเร็วสูง แต่ละคราวที่ดาวหางเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ จะมีเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กของดาวหางถูกสลัดทิ้งไว้ตามทางโคจร เรียกว่า "ธารสะเก็ดดาว" หากวงโคจรของโลกและของดาวหางซ้อนทับกัน โลกจะเคลื่อนที่ผ่านธารสะเก็ดดาวในช่วงวันเดียวกันของแต่ละปี ทำให้เกิดฝนดาวตก
การที่สะเก็ดดาวในธารเดียวกัน เคลื่อนที่ขนานกันและมีอัตราเร็วเท่ากัน ดาวตกที่เราเห็นจึงดูเหมือนพุ่งออกมาจากจุดเดียวกันในท้องฟ้า ซึ่งเป็นผลจากทัศนมิติ (perspective) เปรียบเหมือนกับที่เราเห็นรางรถไฟไปบรรจบกันที่ขอบฟ้า เมื่อยืนดูจากกลางราง
ฝนดาวตก ( Meteor shower )เกิดจากการที่โลกโคจรผ่านทะลุฝุ่นที่มาจากหางของดาวหาง แตกต่างจากดาวตกทั่วไป คือ เป็นดาวตกที่มีปริมาณการตกมากกว่า และถี่กว่าดาวตกปกติ ปริมาณของฝนดาวตกนั้นขึ้นอยู่กับว่ามีเศษฝุ่น เศษหินจากสะเก็ดดาวหางมากน้อยเพียงใด ซึ่งบางครั้งฝนดาวตกอาจตกมากถึง 10,000 ดวงต่อชั่วโมง โดยมีทิศทางเหมือนมาจากจุดๆหนึ่งบนท้องฟ้า เรียกว่า จุดกำเนิด (radiant) เมื่อจุดกำเนิดนั้นตรงหรือใกล้เคียงกับกลุ่มดาวอะไร ก็จะเรียกชื่อฝนดาวตกตามกลุ่มดาวนั้นๆ หรือ ดาวที่อยู่ใกล้กลุ่มดาวนั้น เช่น ฝนดาวตกเพอร์เซอัส(กลุ่มดาวเพอร์เซอัส) หรือ ฝนดาวตกอีต้าอะควอลิด (ดาวอีต้า คนแบกหม้อน้ำ) เป็นต้น ซึ่งเราสามารถกำหนดช่วงเวลาการตกได้ว่าตรงกับวันไหนวันที่เท่าไหร่ และเวลาใด ซึ่งฝนดาวตกบางชนิดจะมีปริมาณการตกน้อย คล้ายกับดาวตกทั่วไป แต่ก็มีบางชนิดที่มีปริมาณการตกมาก และทิศทางที่แน่นอน มีลักษณะคล้ายกับฝนตก ในการดูฝนดาวตกนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือหลังเที่ยงคืน เพราะเป็นเวลาที่ชีกโลกที่เราอยู่จะรับดาวตกที่พุ่งเข้ามาแบบตรงๆ ซึ่งช่วงเวลาที่ดาวตกเกิดก่อนเที่ยงคืนหรือช่วงหัวค่ำนั้นจะเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งสวนทางการหมุนรอบตัวเองของโลก เราจะเห็นดาวตกมีความเร็วสูง แต่ถ้าฝนดาวตกที่เกิดหลังเที่ยงคืนไปแล้วหรือในเวลาใกล้รุ่ง จะเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งตามทิศทางการหมุนของโลก เราจึงเห็นดาวตกที่อยู่ในช่วงเวลาใกล้รุ่งนั้นวิ่งช้า
เรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับฝนดาวตก ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตก ได้เแก่
·         ดาวตก ( meteor ) คือเศษฝุ่น เศษหิน หรือโลหะชิ้นเล็กๆ จนถึงก้อนขนาดใหญ่ ถ้าอยู่ในอวกาศจะเรียกว่า สะเก็ดดาว ( meteoroid ) ซึ่งไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เมื่อเคลื่อนที่หรือล่องลอยเข้ามา ใกล้วงโคจรของโลก จะถูกแรงดึงดูดของโลกดูดเข้ามาในชั้นบรรยากาศ และตกลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วตั้งแต่ 11 64 กิโลเมตรต่อวินาที เกิดการเสียดสีจนร้อนและลุกไหม้ เกิดเป็นแสงพาดผ่านบนท้องฟ้า ที่ระดับความสูงประมาณ 100 130 กิโลเมตรจากพื้นโลก หรือเรียกอีกอย่างว่า ผีพุ่งใต้ (shooting star) ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้จนหมดสิ้นขณะเคลื่อนที่ผ่านไปในชั้นบรรยากาศ แต่ถ้าหากเศษฝุ่นเหล่านั้นมีขนาดใหญ่มาก และเผาไหม้ไม่หมดในชั้นบรรยากาศ ก็จะตกลงมาถึงพื้นโลก เรียกว่า อุกกาบาต ( meteorite )
·         สะเก็ดดาวหาง หรือ อุกกาบาต คือก้อนหินในอวกาศ ส่วนมากมีขนาดเล็ก หรือบางดวงก็เป็นก้อนขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนมากจะถูกเผาไหม้จากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศในขณะที่กำลังพุ่งตกลงมาสู่โลก แต่บางชิ้นที่มีขนาดใหญ่มากถูกเผาไหม้ไม่หมด จึงตกลงบนผิวโลก ทำให้เกิดหลุมขนาดต่างๆ บนพื้นผิวโลก ชนิดของอุกกาบาต เช่น อุกกาบาตเหล็ก อุกกาบาตหิน-เหล็ก หรืออุกกาบาตหินคอนไดรต์ ซึ่งอาจมาจากดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ที่เนื้อดาวแตกแยกเป็นชิ้นๆ
·         ดาวหาง ( Comet ) คือก้อนน้ำแข็งและฝุ่นขนาดใหญ่ ที่พุ่งมาจากขอบนอกของระบบสุริยะจักรวาล เมื่อเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในระยะวงโคจรของดาวพฤหัสบดี ผิวนอกจะเริ่มละลายและเกิดแนวแสงสว่างเป็นทางยาวคล้ายหาง ที่ประกอบด้วยแก๊สและฝุ่น เมื่อเคลื่อนเข้ามาใกล้โลกหางของดาวหางจะสว่างและยาวขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพข่าวจาก: manager.co.th และ th.wikipedia.org

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557



         ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่สองยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมไอทีจะยุติความขัดแย้ง แก้ไขปัญหา เดินหน้าปฏิรูปร่วมกัน เมื่อแอปเปิลกับกูเกิลตัดสินใจยุติคดีฟ้องร้องระหว่างกันในสิทธิบัตรที่ เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนทั้งหมด
       โดยทั้งสองบริษัท แอปเปิล และกูเกิล ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าจะทำการถอนฟ้องคดีด้านสิทธิบัตร ที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้องกล่าวหากันตั้งแต่ปี 2010 ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการถอนฟ้องนี้เป็นการยุติศึกเท่านั้น ไม่ได้รวมไปถึงข้อตกลงจะใช้ประโยชน์จากสิทธิบัตรร่วมกัน
ในคำประกาศนี้ทั้งแอปเปิลและกูเกิลยังระบุว่า ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันบางส่วนเพื่อปฏิรูปสิทธิบัตรอีกด้วย
คดีที่ทำการถอนฟ้องกันนี้ส่วนใหญ่เป็นคดีด้านสิทธิบัตรซึ่งฟ้องโดยโมโตโร ลาในอดีต ซึ่งปัจจุบันสิทธิบัตรทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของกูเกิลที่ซื้อกิจการไป ซึ่งเป็นสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีโทรศัพท์ โดยแอปเปิลแย้งว่ารายการฟ้องร้องดังกล่าว ไม่ควรถือเป็นสิทธิบัตรเพราะเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของสมาร์ทโฟน
อย่างไรก็ตาม การยุติศึกของสองบริษัทนี้ เป็นเรื่องของ iPhone กับตัวระบบปฏิบัติการ Android เท่านั้น ไม่รวมไปถึงการฟ้องร้องระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงแต่อย่างใดครับ
ที่มา : http://www.macthai.com/2014/05/17/apple-google-drop-lawsuit-and-work-patents-reform/



         คำถามที่เป็นปกติในกลุ่มของนักลงทุนทองคำ คือ ตลาดทองคำจะเป็นขาลงไปถึงเมื่อใด ซึ่งก็ต้องเรียนตรง ๆ ว่า   คงเป็นการยากที่จะกำหนดเวลาให้ชัดเจนว่าตลาดทองคำจะอยู่ในช่วงขาลงไปถึง เมื่อใด   แต่เมื่อมองปัจจัยที่กระทบต่อราคาทองคำ   และทำให้ทองคำเข้าสู่ช่วงขาลง นั้น อาจจะพอประมาณได้ว่า  สัญญาณใดที่จะบอกว่า ตลาดทองคำอาจจะเริ่มที่จะจบช่วงขาลง    หรืออาจจะกลับเข้าสู่ช่วงตลาดขาขึ้นได้อีกครั้งจะเกิดขึ้นจากสัญญาณใด

  ช่วงตลาดขาลงเกิดขึ้นหลังจากที่เริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของ สหรัฐฯ และกระแสข่าวเรื่องการเริ่มจำกัดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ  ซึ่งราคาเริ่มอ่อนตัวลงเรื่อยมาตามสัญญาณดังกล่าว    จนถึงการปรับลดนโยบาย QE ครั้งแรกในเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา   ขณะที่เมื่อมองความสัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็พบว่า   ทิศทางค่าเงินดอลลาร์มีการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาการฟื้นตัวใน ช่วงเวลาเดียวกัน    จึงอาจจะกล่าวได้ว่า ในช่วงตลาดทองขาลงเกิดจากการฟื้นตัว และการลดขนาดมาตรการทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ    ดัง นั้น  การจบช่วงตลาดขาลง อาจจะเริ่มเห็นสัญญาณจากช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ  เริ่มปรับนโยบายเข้าสู่สภาวะที่เกือบปกติ  หมายถึง เริ่มปรับดอกเบี้ยสักระยะ  จนตลาดไม่ตื่นตกใจต่อการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตนั่นเอง
  ส่วนช่วงของตลาดขาขึ้นของทองคำ ถ้าย้อนดูปัจจัยที่หนุนราคาทองคำในอดีตเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤติ ทางการเงินการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินขนาดใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ  และการเข้าซื้อขายเก็งกำไร  ดังนั้น การ จะทำให้ราคาทองคำกลับเข้าสู่ช่วงที่ปรับตัวขึ้นได้ก็อาจจะต้องมีความเสี่ยง สำคัญเกิดขึ้น ตัวอย่างความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับราคาพลังงาน ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ความเสี่ยงที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างชาติที่อาจจะนำไปสู่การสู้รบ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นที่เคยทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ทั้งสิ้น นอกเหนือจากนี้ การที่ตลาดการลงทุน มีการใช้ทองคำในการซื้อขายเก็งกำไร  และมีการสะสมทองคำเพิ่มมากขึ้น  ดังนั้น ในช่วงภาวะที่เศรษฐกิจเติบโตได้ดี  ก็อาจจะเป็นช่วงที่ราคาทองคำสามารถกลับเข้าสู่ช่วงของตลาดขาขึ้นเช่นเดียว กัน
      แม้ช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา   ตลาดทองคำจะเข้าสู่ช่วงขาลง  แต่ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านั้น ทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้นมากว่า 11 ปี และให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตราที่สูง พอจะจูงใจให้นักลงทุนหน้าใหม่ ๆ หันมาลงทุนทองคำจำนวนมาก  ดังนั้น ในอนาคตตลาดทองคำน่าจะสามารถกลับเข้าสู่ช่วงตลาดขาขึ้นอีกครั้ง

ที่มา : จุลสารทองคำ ประจำเดือน กันยายน 2557
พิมพ์แจก สมาชิกสมาคมค้าทองคำ ทั่วประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิวาห์ล่ม เต๋อ น้ำตาซึม เลิก พีค ปิดฉากรักกว่า 7 ปี เบรกงานแต่ง “พีค”

 
 
  
         ช็อควงการบันเทิงไปตามๆกัน เมื่อหนุ่มหน้าทะเล้น "เต๋อ ฉันทวิชช์" ได้ให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจถึงการลดระดับความสัมพันธ์กับแฟนสาว "พีค ภัทรศยา" ที่ได้ลดระดับความสัมพันธ์จากคำว่า "คนรัก" เหลือเพียง "พี่น้อง" ซึ่งเหตุผลนั้น หนุ่มเต๋อได้เปิดเผยด้วยน้ำตาคลอ ยอมรับว่าถอยห่างความสัมพันธ์ แต่ยันยังรักกันเหมือนพี่น้อง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คบกันต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่ามีหลายสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้ จนสุดท้ายกลายเป็นปัญหาสะสม พร้อมออกปากถ้าให้ย้อนเวลากลับไปตนก็พร้อมที่จะจีบอดีตคนรักอีกครั้ง เพราะมั่นใจว่า 8 ปีที่คบกัน ไม่เคยมีวันไหนที่รู้สึกเสียดายเวลา...
ความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้างเห็นก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่าปีหน้าจะแต่งงาน ?
"ตอนนี้เราขอพักไปก่อนครับ เพราะตัวผมเองก็มีงานเข้ามาเยอะ ทั้งงานละคร พิธีกร เขียนบท และอีกหลาย ๆ อย่าง ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้"
ที่บอกว่าพัก คือพักยาวแค่ไหน ?
"สำหรับเรื่องแต่งงาน ผมตกลงกับน้องพีคว่าจะพักครับ พักไปเลย ซึ่งเรื่องนี้พีคเขาก็โอเค เราตกลงกันแล้วทั้งคู่"
สรุปก็คือแพลนงานแต่งปีหน้าก็คือยกลงไปเลยไม่มีกำหนด ?
"ใช่ครับ"
นอกจากเรื่องงานแล้วมีเรื่องอื่นที่เป็นปัญหาอีกไหม เพราะเหมือนที่ผ่านมาเราเองก็ดูมั่นใจแล้ว ?
"คือมันเป็นเรื่องที่สะสมมาสักระยะหนึ่งแล้วเกี่ยวกับความรู้สึกของเราสองคน แต่ถามว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรารักกันไหม เราสองคนรักกันมากครับ เพียงแค่มันก็มีสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้หลายๆ อย่างเท่านั้นเอง จนในที่สุดเราก็ตัดสินใจได้ว่าจะขอถอยออกมา และเป็นพี่น้องกันไปก่อน ทั้งที่เราเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมานานหรือยัง เรื่องที่การตกลงลดระดับความสัมพันธ์ ?
"คือผมต้องบอกก่อนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่ได้มีจุดพีคหรือมีอะไรรุนแรงที่ทำให้เราต้องตัดสินใจแบบนี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาเราอยู่ด้วยกันด้วยความรักมาโดยตลอด เวลามีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แค่ไหนเราก็จะมองข้ามมันไปและปล่อยมันไปเพราะเราคิดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญ แต่พอเวลามันผ่านไปเรื่อย ๆ ปัญหาเหล่านั้นที่เราเก็บไว้มันก็เริ่มใหญ่ขึ้น ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตรงนี้ผมพูดได้เลยว่าไม่มีใครผิด วันที่เราคุยกันถ้าเราไม่ใช้เหตุผล เราใช้ความรู้สึกอย่างเดียวเราก็คงไม่มีทางถอยมาสู่จุดนี้ แต่ถ้าเรามองในแง่ของเหตุผล ถ้าอีกหน่อยเราแต่งงาน เรามีชีวิตคู่ แล้วปัญหานี้ยังอยู่เราจะทำยังไงกับมัน"
ที่ผ่านมาเราเคยคิดจะปรับตัวเข้าหาบ้างไหม ?
"เราเคยผ่านช่วงนี้มาแล้วครับ เคยผ่านช่วงช่วยกันปรับตัวมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ยังเป็นตัวของตัวเอง"
หลังจากนี้ความสัมพันธ์ของเรากับพีคจะเป็นยังไงต่อไป ?
"จากนี้เขาก็ต้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในแบบของเขา ส่วนเราก็จะอยู่เป็นกำลังใจให้เขาเรื่อยๆ แค่อาจจะไม่ใช่ในสถานะแฟนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
เสียดายเวลาไหมเพราะเราสองคนก็คบกันมาตั้ง 8 ปี ?
"ผมไม่เคยเสียดายเลยครับ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็ยังจะจีบเขาอยู่ดี"
 
ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์จากเว็บ Sanook.com และแหล่งข่าวออนไลน์

ข่าวอินเทรนด์ ข่าวมาแรง ข่าวด่วน

Popular Posts

เพื่อทราบ

เว็บนี้ มีเจตนาเพื่อรวบรวมข่าวสาร ที่ฮิตติดอินเทรนด์เพื่อทุกท่านได้อ่าน ติดตาม และทราบครับ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม